เรียนรู้ทักษะและเทคนิคการขี่จักรยาน BMX เบื้องต้น

ascc-cmkjnhbgv

จักรยาน BMX นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยค่อนข้างสูง แม้ว่าการขี่จักรยานจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากเป็นการขี่จักรยาน BMX เพื่อการแข่งขันหรือว่าการลงสนามใดๆ สักแห่งนั้น การขี่แบบปกติทั่วๆ ไปก็คงจะไม่สามารถนำมาใช้ได้มากนักแม้จะเป็นทักษะพื้นฐานก็ตามที ลองมาดูทักษะและเทคนิคที่ควรจะเป็นสำหรับคนที่ต้องการขี่จักรยาน BMX แบบมืออาชีพเพื่อที่จะได้เอาไว้เรียนรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริงในยามที่ต้องลงแข่งขันหรือลงสู่สนาม

1. การออกตัวจากจุดสตาร์ท – โดยปกติแล้วการออกตัวของการลงแข่งขันจักรยาน BMX นั้นจะออกตัวด้วยทางลาดชันเสียเป็นส่วนใหญ่ และหากต้องการที่จะให้จักรยานของตัวเองออกตัวได้ไกลกว่าคนอื่นก็จำเป็นจะต้องยืนและพร้อมกระโดดให้จักรยานไปได้เร็ว ทักษะและเทคนิคการฝึกก็ไม่ยาก ให้คุณนำจักรยาน BMX วางตั้งฉากกับกำแพงและขึ้นไปยืนบนแป้นปั่นเพื่อให้ทรงตัวได้พยายามฝึกให้จับเวลานานขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เก่งและสามารถยืนบนแท่นปั่นตรงจุดสตาร์ทได้

2. การเลี้ยวโค้ง – นับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการขี่จักรยาน BMX อย่างมากโดยเฉพาะในการแข่งขัน เพราะว่าคนส่วนใหญ่มักจะชื่นชอบการแซงคู่แข่งตรงทางโค้ง เพราะฉะนั้นทักษะตรงนี้จึงต้องค่อนข้างแม่นยำไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทรงตัวอยู่กับจักรยานให้ดี พยายามถ่ายน้ำหนักให้ตัวเองอยู่ตรงกลางจักรยานมากที่สุด ย่อเข่าเล็กน้อยในการโค้ง และมีการเตรียมความพร้อมที่จะสปริ้นท์ตัวเองออกไปทันทีเมื่อเข้าสู่ทางตรง แต่เทคนิคหนึ่งในการแซงทางโค้งก็คือให้เลือกดูว่าการแซงแบบไหนเหมาะกับจังหวะของเรามากที่สุด บางคนเลือกปั่นออกด้านนอกเพื่อที่จะได้ทำความเร็วให้มากที่สุด บางคนเลือกปั่นตัดจากด้านนอกมาด้านในเพื่อเป็นการตัดระยะทาง ในขณะที่บางคนเลือกปั่นแซงจากด้านในและตัดด้านนอกเพื่อให้คู่แข่งเสียจังหวะ

3. การขี่บนทางระนาด – คงจะไม่ต่างกับการขี่จักรยานทั่วไป แต่เทคนิคที่ดีในการขี่ทางระนาดคือควรจะยืนและใช้การถ่ายน้ำหนักออกมาให้ตัวเองอยู่กึ่งกลางรถมากที่สุด มีการย่อขึ้นลงตามจังหวะของจักรยานเพื่อให้เกิดการสมดุล

4. การขี่เนินกระโดดไกล – นี่ถือเป็นอีกความโดดเด่นของการขี่จักรยาน BMX การขี่แบบนี้สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนเป็นประจำ เริ่มต้นต้องยกล้อหน้าให้ได้โดยขี่ความเร็วไม่มากและวางขาสองข้างตรงบันไดปั่นจากนั่นก็ดึงล้อหน้าขึ้น หลังจากนั้นฝึกยกล้อหลังใช้ทักษะเดียวกันแต่ว่าจะเอนตัวไปข้างหน้าและถ่วงน้ำหนักให้ดีเพื่อไม่ให้ล้ม หลังจากนั้นก็นำทั้ง 2 ทักษะมาผสานกันและฝึกฝนบ่อยๆ